วันพุธที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การวัดด้านพุทธิพิสัย(Cognitive Domain)

           การวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย จะใช้ข้อสอบต่างๆเป็นเครื่องมือวัด ส่วนจะใช้ข้อสอบชนิดใด ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์ของการวัดนั้น
           การเขียนข้อสอบวัดพฤติกรรมด้านพุทธิพิสัย (Cognitive)
           Bloom และคณะได้แบ่งพฤติกรรมทางพุทธิพิสัยออกเป็น 6 ขั้น โดยเรียงจากพฤติกรรมต่ำสุดถึงสูงสุด และพฤติกรรมแต่ละขั้นมีวิธีการเขียนข้อสอบวัดดังนี้
          ความรู้ความจำ (Knowlege)
          ความสามารถในการเก็บรักษามวลประสบการณ์ต่าง ๆ จากการที่ได้รับรู้ไว้และระลึกสิ่งนั้นได้เมื่อต้องการเปรียบดังเทปบันทึกเสียงหรือวีดิทัศน์ที่สามารถเก็บเสียงและภาพของเรื่องราวต่างๆได้ สามารถเปิดฟังหรือ ดูภาพเหล่านั้นได้ เมื่อต้องการ แบ่งได้ 3 ประเภท
          1. ความรู้ในเนื้อเรื่อง เป็นคำถามเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในเรื่องราวหรือเหตุการณ์ต่างๆ ได่้แก่ ความรู้เกี่ยวกับศัพท์นิยาม ความรู้เกี่ยวกับกฏและความจริง 
          2. ความรู้ในวิธีดำเนินการ ได้แก่ วิธีประพฤติปฏิบัติและวิธีดำเนินการในกิจการงานและเรื่องราว 
มี 5 วิธีด้วยกัน
             2.1 ความรู้เกี่ยวระเบียบแบบแผนขนบธรรมเนียมประเพณี เป็นการถามถึงวิธีประพฤติปฏิบัติตามระเบียบแบบแผนและธรรมเนียมประเพณีต่างๆ
             2.2 ความรู้เกี่ยวกับลำดับขั้นและแนวโน้ม เป็นการถามถึงลักษณะการเปลี่ยนแปลงขั้นตอนของการปฏิบัติงาน หรือของเรื่องเหตุการณ์ต่างๆ ว่ามีลักษณะใดเกิดก่อน-หลัง
             2.3 ความรู้เกี่ยวกับการจัดประเภท เป็นความสามารถในการจำแนกแจกแจงวัตถุสิ่งของและเรื่องราวใดๆให้เป็นหมวดหมู่
             2.4 ความรู้เกี่ยวกับเกณฑ์ มีจุดหมายเพื่อจะวัดว่าจดจำหลักการในการตรวจข้อเท็จจริงต่างๆ
             2.5 ความรู้ในวิธีดำเนินการ ต้องการวัดว่านักเรียนสามารถจดจำวิธีปฏิบัติงานด้านต่างๆตามหลักวิชา และสามารถประพฤติปฏิบัติตามที่สอนไว้ได้หรือไม่
           3. ความรู้รวบยอดในเนื้อเรื่อง หมายถึง สมรรถภาพ 2 ชนิด ชนิดแรกเป็นความสามารถที่กลั่นเก็บเอาแต่คติ และหลักวิชาของเนื้อหาต่างๆ ชนิดที่สองเป็นความสามารถที่จะขยายคติที่ได้นั้นออกไปสู่สิ่งอื่นหรือสถานการณ์อื่น
               3.1 ความรู้เกี่ยวกับหลักวิชาและการขยายหลักวิชา เป็นคำถามที่ต้องการจัดว่าเด็กจดจำความรู้รวบยอดที่เป็นคติ และหลักวิชาของเนื้อหาต่างๆ
               3.2 ความรู้เกี่ยวกับทฤษฎีและโครงสร้าง คำถามชนิดนี้จะเกี่ยวกับคติและหลักการจากสิ่งของหลายสิ่ง หลายเนื้อหาที่สัมพันธ์กันเป็นพวกเดียวกันและอยู่ในสกุลเดียวกัน
        ตัวอย่างข้อสอบ
        ใครคือบิดาแห่งคอมพิวเตอร์
        1. สตีฟ จ๊อบ                      3. ชาร์ล แบบเบจ
        2. มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก           4. ชาร์ล ดาวิน
           
           ความเข้าใจ (Comprehension)
           คือ ความสามารถในการขยายความรู้ความจำให้ไกลออกไปจากเดิมอย่างสมเหตูสมผล แยกเป็น 3 ขั้น
                 1. การแปลความ คือ แปลความหมายของคำ ข้อความสัญลักษณ์ในแง่มุมใหม่ตามนัยของเนื้อเรื่องและหลักวิชานั้นๆ
                 2. การตีความ เป็นการเอาความหมายจากการแปลที่งหมดมารวมกัน แล้วสรุปหรือขยายตามแนวใหม่
                 3. การขยายความ หมายถึง การขยายความคิดให้กว้างไกลจากข้อเท็จจริง โดยจะต้องให้ข้อมูลหรือแนวโน้มอย่างเพียงพอ จนนักเรียนสามารถนำข้อมูล ข้อเท็จจริง เค้าเรื่องต่างๆ เหล่านั้นมา
แปล - ตี - ขยาย ได้อย่างสมเหตุสมผล
            ตัวอย่างข้อสอบ
            หากตอนนั้นเป็นเวลา 10.00 น. ฉันกินข้าวผ่านมาแล้ว 3 ชม. หลังจากนั้นอาบน้ำผ่านมา 
1.50 ชม. สรุปฉันอาบน้ำตอนกี่โมง
            1. 11.00 น.                       3. 10.00 น.
            2. 10.50 น.                       4. 09.50 น.

            การนำความรู้ไปใช้ (Application) 
            เป็นขั้นที่ผู้เรียนสามารถนำความรู้ ประสบการณ์ไปใช้ในกแก้ปัญหาในสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ ซึ่งจะต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจ จึงจะสามารถนำไปใช้ได้ ลักษณะของคำถาม เป็นเรื่องราวปัํญหาใหม่ๆ หรือดัดแปลงของเดิมบ้าง การตั้งคำถามต้องซ่อนเงื่อนทำให้เิดปัญหาทั้งๆที่เรียนรู้มาแล้ว แต่ก็ยังตอบไม่ได้ทันที เพราะมีเงื่อนไขปมขัดขวาง คำถามต้องเกี่ยวพันธ์กับหลักวิชา หรืออะไรอีกอย่างหนึ่ง
             ตัวอย่างข้อสอบ
            คอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างไร?
            1. การถอนเงินจากเครื่อง ATM         2. การจับจ่ายซื้อของในห้างสรรพสินค้าโดยใช้บัตรเครดิต
            2. การสำรองที่นั่งเครื่องบินสื่อสาร     4. ถูกทุกข้อ
           

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น